คาดการณ์อนาคตทรงผมนักเรียนหลังการยกเลิกระเบียบทรงผม
ภาพจำของนักเรียนในวัยเด็กที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนการสอนก็ต้องนึกถึงเครื่องแต่งกาย และทรงผม โดยเครื่องแต่งกายกำหนดระเบียบเพื่อให้เหมือนกันทั้งประเทศ มีการแบ่งระดับชั้นกับเครื่องแต่งกาย และมีชุดเฉพาะของบางรายวิชา เช่น พละศึกษาที่ต้องใส่ชุดพละ ชุดลูกเสือสามัญสำหรับการเรียนลูกเสือ และชุดยุวกาชาดสำหรับการเรียนยุวกาชาด เป็นต้น นอกจากชุดนักเรียนก็มีเรื่องทรงผมที่เป็นประเด็นมาโดยตลอด และตอนนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการได้ออกมาประกาศยกเลิกระเบียบทรงผมเรียบร้อยแล้ว จนนำไปสู่ข้อถกเถียงว่าการยกเลิกระเบียบทรงผมหมายถึงการเปิดเสรีทรงผมนักเรียนหรือเปล่า และจะมีการยกเลิกชุดนักเรียนหรือไม่
ประกาศจากกระทรวงศึกษาธิการเรื่องการยกเลิกระเบียบทรงผม

กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศยกเลิกระเบียบทรงผมนักเรียนในวันที่ 16 มกราคม 2566 โดยใจความในประกาศที่ออกโดยกระทรวงศึกษาธิการสรุปได้ว่า ทางกระทรวงศึกษาธิการขอยกเลิกระเบียบทรงผมนักเรียนที่ออกมาตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งประกาศฉบับนี้บอกเพียงการยกเลิกระเบียบทรงผม ไม่ได้กล่าวถึงทิศทางการไว้ทรงผมของนักเรียน และไม่ได้ชี้เฉพาะว่านักเรียนสามารถไว้ทรงผมได้อย่างเสรี จึงเป็นที่น่าสังเกตว่าอาจจะเป็นกฎเกณฑ์การไว้ทรงผมที่โรงเรียนเป็นผู้กำหนด สร้างความกังวลให้หลายฝ่ายว่าสุดท้ายแล้ว สถานศึกษาอาจจะคงระเบียบเดิม และนักเรียนก็ยังต้องไว้ทรงผมทรงเดิม
สาเหตุของการกำหนดทรงผมนักเรียน
การกำหนดทรงผมนักเรียนมีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2515 โดยแรกเริ่มเดิมทีมีเพียงการกำหนดกฎเกณฑ์สั้น ๆ ว่าผู้ชายต้องตัดผมรองทรง ความยาวไม่เกิน 5 เซนติเมตรจากหนังศีรษะ ส่วนนักเรียนหญิงให้ไว้ผมสั้นระดับต้นคอ หรือหากสถานศึกษากำหนดให้ไว้ผมยาวได้ก็ให้รวบให้เรียบร้อย

ถึงแม้จะมีการบัญญัติทรงผมมาเรื่อย ๆ แต่ใจความก็ยังคงเป็นทรงนักเรียนดังที่กล่าวไปข้างต้นอยู่ สถานศึกษามักกล่าวว่าการตัดผมสั้นทั้งนักเรียนชายและหญิงเนื่องจากการสวมใส่ชุดไม่สุภาพ ออกไปเที่ยวกลางคืน หรือทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม คนภายนอกจะรู้ในทันทีว่าเป็นนักเรียน หากไว้ผมยาวได้แล้วมีเรื่องราวเกิดขึ้น อาจจะชี้ชัดได้ยากว่าเป็นนักเรียนหรือไม่ ซึ่งเหตุผลนี้อาจจะใช้ไม่ได้แล้วในยุคนี้ แต่ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
กฎใหม่ของกระทรวงออกมายกเลิกระเบียบทรงผมก็จริง แต่การรองรับทรงผมใหม่ ๆ กลับไม่มี จึงดูคล้ายการผลักภาระให้สถานศึกษาสามารถกำกับดูแลทรงผมนักเรียนได้ตามใจชอบ สร้างความไม่พอใจให้กับหลายฝ่าย โดยเฉพาะนักเรียนที่รู้สึกว่าการถูกจำกัดกรอบไม่ได้หมดไป
ทรงผมนักเรียนที่ได้รับความนิยมในสถานศึกษา

ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันมีทรงผมนักเรียนที่สถานศึกษายอมรับให้เป็นทรงผมนักเรียนไม่กี่ทรง โดยมีรงผมหลัก ๆ ดังนี้
- ผมสั้นเสมอหู
ทรงผมสั้นเสมอหูเป็นทรงพื้นฐานของโรงเรียนรัฐบาลเลยก็ว่าได้ ทรงนี้เป็นการตัดผมตรง ความยาวผมประมาณติ่งหู หรือยาวกว่าติ่งหูได้ไม่เกิน 5 เซนติเมตร ห้ามตัดผมหน้าม้า ซอยผม หรือทำสีผม
- ถักเปียสองข้างและติดโบว์
การถักเปียเป็นอีกทรงที่มีความเรียยร้อย โดยนักเรียนจะต้องถักเปียทั้ง 2 ข้าง แล้วติดโบว์สีสุภาพ ไม่ว่าจะเป็นสีดำ สีน้ำเงิน และสีน้ำตาล บางโรงเรียนอาจใช้สีขาวได้ ห้ามใช้โบว์สีฉูดฉาดเด็ดขาด
- รวบผมหรือถักเปียแล้วผูกโบว์
การทำผมแบบสุดท้ายจะเป็นการรวบหางม้าสูง หรือจะถักเปียก็ได้ แต่ต้องเก็บผมให้หมด พร้อมติดโบว์อันใหญ่สีสุภาพ ห้ามตัดหน้าม้า ซอยผมตรงปลาย หรือทำสีผมโดยเด็ดขาด
ทรงผมของนักเรียนจะเน้นความสุภาพ แต่บางครั้งก็ไม่เมาะกับนักเรียน เช่น นักเรียนบางคนผมค่อนข้างหยิก การตัดผมสั้นจะทำให้ผมดูฟูขึ้นกว่เดิม สูญเสียความมั่นใจ โดนเพื่อนในโรงเรียนล้อ และกลายเป็นปมในอนาคต ขณะที่คนผมน้อยประสบปัญหาถักเปียแล้วผมไม่สวย มัดหางม้าแล้วดึงรั้งหน้าผากให้สูงอาจจะหน้าผากเถิกได้หากปล่อยไว้นาน ๆ ผมจะบางลง ต้องอาศัยการปลูกผมเข้าช่วย ทรงผมของนักเรียนจึงควรมีความหลากหลายมากขึ้น และเน้นความมระเบียบโดยที่ไม่ต้องกำหนดทรงผมตายตัว เพื่อให้นักเรียนมีความสุขในการไปโรงเรียนมากขึ้น